อาตาริ
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ประเภท | บริษัทมหาชน |
---|---|
อุตสาหกรรม | เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, วิดีโอเกม |
ก่อตั้ง | 28 มิถุนายน ค.ศ. 1972 ในชื่อ อาตาริ อิงค์ ค.ศ. 1984 ในชื่อ อาตาริ คอร์ปอเรชั่น และ อาตาริ เกม 1998 ในชื่อ อาตาริ อินเตอร์แอกทีฟ (เป็นบริษัทย่อยของ แฮสโบรว อินเตอร์แอกทีฟ) |
สำนักงานใหญ่ | ลอสแอนเจลิส, ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก ซิตี้, นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา ลียง, ฝรั่งเศส |
ผลิตภัณฑ์ | วิดีโอเกม, เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน |
บริษัทแม่ | Warner Communications |
อาตาริ (อังกฤษ: Atari Inc.) เป็นบริษัทผลิตเครื่องเล่นวิดีโอเกมของสหรัฐอเมริกา ที่มียอดขายหลายล้านเครื่องในช่วงปลายทศวรรษ 1970
ในปี 1971 โนแลนบุชเนล และเท็ดแดปนีย ก่อตั้งบริษัทไซเซอจีเอ็นจิเนียริง และได้ออกแบบสร้างวิดีโอเกมอาเขตเครื่องแรกคือคอมพิวเตอร์สเปซให้กับบริษัทนัตติงแอตโซซิเอต จนวันที่ 27 มิถุนายน 1972 บริษัทอาตาริ อิงค์ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นและได้ว่าจ้าง อลันอัลคอรน เป็นวิศวกรด้านการออกแบบ บุชเนลตัดสินใจให้ อัลคอรน ได้ทดสอบความสามารถโดยพัฒนาเกมเลียนแบบ เกมเทเบิลเทนนิสของเครื่อง แม็กนาวอกซ์โอดีสซี ซึ่งออกวางตลาดโดยใช้ชื่อว่า ป็อง โดยแรกเริ่ม ป็อง เป็นเครื่องเล่นเกมอาเขต ต่อมาวางจำหน่ายเป็นเครื่องเล่นเกมในบ้าน บุชเนลเลือกชื่อ อาตาริ จากศัพท์ในเกมโกะ คำว่า อาตาริ ซึ่งหมายถึงกลุ่มก้อนหินซึ่งหมายถึงคู่ต่อสู้กำลังจะถูกทำให้แพ้ คำว่า อาตาริในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า เรื่องกำลังจะเกิดขึ้นหรือบางคนกำลังถูกลอตเตอรี่
ในปี 1976 บุชเนลว่าจ้าง บริษัทกลาสวัลเลย์ สร้างเครื่องเล่นวิดีโอเกมที่ยืดหยุ่นและมีราคาประหยัดผลงานที่ได้คือ อาตาริวิดีโอคอมพิวเตอร์ซิสเต็ม หรือ วีซีเอส ซึ่งต่อมามีชื่อว่า อาตาริ 2600 แต่เนื่องจากการนำออกสู่ตลาดต้องใช้ทุนจำนวนมาก บุชเนลจึงตัดสินใจขายสิทธิให้กับ วอร์เนอร์คอมมิวนิเคชั่น ในราคา 28-32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเงินที่ได้ไปซื้อ โฟวเกอร์แมนชั่น บุชเนลยังทำงานอยู่ในบริษัทต่อไปจนถูกไล่ออกในเดือนธันวาคม ปี 1978
ในการสร้างอาตาริ 2600 ถูกกำหนดให้วางตลาดได้ 3 ปี ในระหว่างนี้บริษัทต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ในที่สุดได้ออกวางจำหน่าย เครื่องรุ่นที่มีคีย์บอร์ดในตัว ในชื่อ อาตาริ 800 และรุ่นประหยัด ในชื่อ อาตาริ 400 อย่างไรก็ตามสินค้าไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดดีเท่าที่ควรเนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจ แอปเปิล ทู มากกว่าภายหลังบริษัทจึงตัดสินใจที่จะยกเลิกคีย์บอร์ดในตัว และกลับไปทำเครื่อง อาตาริ 5200
ภายใต้การบริหารงานของ วอร์เนอร์ อาตาริสามารถขายเครื่องรุ่น 2600 ได้หลายล้านเครื่องและกลายเป็นบริษัทที่มียอดขายเติบโตสูงสุดในช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตามพอถึงช่วงต้นปี 1980 เกิดการแข่งขันราคาอย่างมากในตลาดเครื่องเล่นเกม จากนั้นอาตาริไม่เคยประสบความสำเร็จอีกเลย วอร์เนอร์ขายสิทธิเครื่องเล่นเกม ให้ แจ็กทาไมล ในปี 1984 และขายสิทธิตัวเกมอาตาริ ให้นัมโค ในปี 1985
ทาไมล บริหารอาตาริในนามบริษัท อาตาริคอร์ป และออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในชื่อ อาตาริ เอสที ในเดือน เมษายน ของปี 1985 ต่อมาในปี 1989 ออกผลิตภัณฑ์ เครื่องเล่นเกมขนาดเล็กชื่อ อาตาริ ลิงนซ์ อย่างไรก็ตามต้องต่อสู้อย่างหนักกับ เกมบอย ของนินเท็นโด จึงหันกลับไปพัฒนาเครื่องเล่นเกมรุ่น จากัวร์ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จทางการตลาด ในปี 1996 บริษัทควบรวมกับ บริษัทเจทีเอสอิงค์ ผู้ผลิตดิสไดรฟ์ ในปี 1998 เจทีเอสตัดสินใจขายชื่อ อาตาริ และสินทรัพย์ทั้งหมดให้กับ แฮสโบรวอินเตอร์แอกทีฟ ในราคา 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ